สังคมศาสตร์ รัฐศาสตร์ การเมือง เศรษฐศาสตร์ >>
สัมพันธภาพระหว่างประเทศไทยกับประเทศจีนในด้านอื่นๆ
- พ.ศ. 2472 ความขัดแย้งแตกแยกภายในพรรคก๊กมินตั๋ง
ทำให้พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศจีนต้องแยกตัวออกมา
และส่วนหนึ่งได้เข้ามาในประเทศไทย
ดำเนินการก่อตั้งพรรคคอมมิวนิสต์จีนแห่งประเทศไทย อันมีชื่อว่า
"คณะใหญ่ในกรุงสยาม" ขึ้น
- พ.ศ. 2475 รัฐบาลสาธารณรัฐจีนได้ส่งฑูตพิเศษมาอวยพรคณะผู้ก่อการ และเจรจา
ขอเปิดสัมพันธ์ทางการทูตกับไทย แต่ไม่สำเร็จ เพียงแต่มีสถานทูต
ทางการค้าเท่านั้น
- พ.ศ.2485 พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย ได้สถาปนาขึ้นอย่างเป็นทางการ
เมื่อมีการประชุมพรรค ครั้งที่ 1 เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2485
- 21 กันยายน พ.ศ. 2488 ชาวจีนหัวรุนแรงจำนวนหนึ่ง ได้ก่อความไม่สงบขึ้น
โดยทำร้าย เจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารไทยที่รักษาการณ์อยู่ในถนนเยาวราช
เนื่องจากฮึกเหิมว่าจีนเป็นฝ่ายมหาประเทศที่ชนะสงครามโลกครั้งที่ 2
และในระหว่างสงคราม ชาวจีนได้รับความบีบคั้นจากนโยบายชาตินิยม
ของรัฐบาลไทยขณะนั้น
- 23 มกราคม พ.ศ.2489 ได้มีการลงนามในสนธิสัญญาทางไมตรีระหว่างประเทศไทยกับ
สาธารณรัฐจีน ซึ่งรัฐบาลสาธารณรัฐจีนได้ส่งนายหลีเทียะเจิง
เอกอัครราชทูตจีนประจำอิหร่านเข้ามาเจรจาขอทำ สนธิสัญญาทางไมตรีที่กรุงเทพฯ
สนธิสัญญานี้มีข้อความเพียง 10 ข้อ
ระบุว่าจะได้จัดให้มีการแลกเปลี่ยนผู้แทนทางการทูตและ
กงสุลกันเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ความสัมพันธ์ระหว่าง ประเทศทั้งสอง
- 17 กันยายน พ.ศ.2489 สาธารณรัฐจีนได้เปิดสถานทูตในประเทศไทยเป็นครั้งแรก
โดยได้ส่ง นายหลีเทียะเจิง มาดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตจีนคนแรกประจำ ประเทศไทย
และในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2489 รัฐบาลไทยขณะนั้นซึ่ง มีพลเรือตรี ถวัลย์
ธำรงนาวาสวัสดิ์ เป็นนายกรัฐมนตรี ได้ส่ง นายสงวน ตุลารักษ์
ไปเป็นเอกอัครราชทูตไทยประจำประเทศจีน ที่เมืองนานกิง
ซึ่งเป็นนครหลวงของจีนคณะชาติในขณะนั้น
- 1 ตุลาคม พ.ศ.2492 จีนคอมมิวนิสต์หรือสาธารณรัฐประชาชนจีน
ประกาศตั้งรัฐบาลขึ้นที่
กรุงปักกิ่งหลังจากได้ชัยชนะเหนือแผ่นดินใหญ่โดยสมบูรณ์แล้ว
จีนคณะชาติได้ถอยไปตั้งรัฐบาลอยู่ที่เกาะไต้หวัน สถานเอกอัครราชทูต
ไทยก็ได้ย้ายตามไปอยู่ที่กรุงไทเปด้วย
- 13 พฤศจิกายน พ.ศ.2495 รัฐบาลไทยได้ประกาศใช้พระราชบัญญัติป้องกันการกระทำ
อันเป็นคอมมิวนิสต์ พ.ศ. 2495 หลังจากที่ได้เลิกใช้ไปเป็นเวลา 6 ปี
- 8 กันยายน พ.ศ.2497 ออสเตรเลีย ฝรั่งเศส นิวซีแลนด์ ปากีสถาน ฟิลิปปินส์
ไทย อังกฤษ และสหรัฐฯ ได้ประชุมกันที่มนิลา เพื่อจัดตั้งองค์การสนธิสัญญา
ป้องกันร่วมกันแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ขึ้นที่เมืองบันดุง ประเทศอินโดนีเซีย
ในการประชุมนี้ผู้แทนของประเทศไทย คือ พลตรี พระเจ้าวรวงศ์เธอ
กรมหมื่นนราธิปพงศ์ประพันธ์ ได้ทรงพบปะ
เจรจาและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในปัญหาต่าง ๆ กับนายโจวเอินไหล
นายกรัฐมนตรีแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งได้มีผลทำให้รัฐบาล
ของทั้งสองฝ่ายเข้าใจท่าทีของกันและกันดีขึ้น
- พ.ศ.2498-2502 หลังการประชุมบันดุงแล้ว
ได้มีการไปมาหาสู่กันระหว่างบุคคลเอกชน
ซึ่งส่วนมากฝ่ายไทยไปเยี่ยมสาธารณรัฐประชาชนจีน แต่การติดต่อ
ระหว่างรัฐบาลกับรัฐบาลเป็นเรื่องภายใน ไม่มีการเปิดเผย และ
มาสิ้นสุดลงอีกครั้งหนึ่งหลังปี พ.ศ. 2502 เรื่อยมาจนกระทั่ง
ประเทศไทยส่งนักปิงปองไปแข่งขันชิงชนะเลิศแห่งเอเชียที่กรุงปักกิ่ง
ตามคำเชิญของสหภาพปิงปองแห่งเอเชีย เมื่อปลายปี พ.ศ. 2515
- 17 มกราคม พ.ศ.2502 รัฐบาลคณะปฏิวัติของไทย ซึ่งมีจอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์
เป็น นายกรัฐมนตรีได้ออกประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 53 ห้ามมิให้นำ
สินค้าที่ผลิต หรือมีกำเนิดในสาธารณะรัฐประชาชนจีนเข้ามาจำหน่าย ในประเทศไทย
- 15 กรกฏาคม พ.ศ.2514 ประธานาธิบดี นิกสันได้แถลงว่าจะเดินทางไปเยือน
สาธารณรัฐประชาชนจีน
- 20 สิงหาคม-7 กันยายน พ.ศ. 2515
ทีมนักปิงปองไทยเดินทางไปแข่งขันชิงชนะเลิศแห่งเอเชีย
ที่กรุงปักกิ่งตามคำเชิญของสหภาพปิงปองแห่งเอเชีย โดยมี พลตำรวจโท ชุมพล
โลหะชาละ เป็นหัวหน้าคณะ และมีนายประสิทธิ์ กาญจนวัฒน์
ซึ่งมีตำแหน่งเป็นรองผู้อำนวยการฝ่ายเศรษฐกิจการคลัง
และการอุตสาหกรรมกองบัญชาการคณะปฏิวัติ เดินทางไปด้วย
ในฐานะที่ปรึกษาของคณะปิงปอง เพื่อสดับตรับฟังดูท่าทีของ
สาธารณรัฐประชาชนจีนที่มีต่อประเทศไทย
- 13-26 ตุลาคม พ.ศ. 2515 คณะผู้แทนการค้าไทย ซึ่งประกอบด้วยข้าราชการกระทรวงพาณิชย์ และพ่อค้าไทย โดยมีนายประสิทธิ์ กาญจนวัฒน์ เดินทางไปชม การแสดงสินค้าครั้งที่ 32 ที่นครกวางโจว มณฑลกวางตุ้ง ตามคำเชิญของ รัฐบาลสาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งติดต่อผ่านกงสุลใหญ่ที่ฮ่องกงมา คณะปฏิวัติได้มอบหมายให้คณะข้าราชการกระทรวงพาณิชย์และ พ่อค้าไทยชุดนี้ไปชมงานแสดงสินค้าดังกล่าว "เพื่อสดับตรับฟังสุ้มเสียง ผู้รับผิดชอบทางการค้าของประเทศจีนดูให้แน่ชัดอีกครั้ง เพื่อคณะปฏิวัติจะได้พิจารณาตัดสินในว่าควรจะเปิดการค้ากับจีนหรือไม่ และถ้าเปิดควรจะดำเนินการในรูปลักษณะอย่างไร"
- 17-23 มิถุนายน พ.ศ. 2516 ทีมนักปิงปองของสาธารณรัฐประชาชนจีน
เดินทางมาแข่งขัน ในประเทศไทย ตามคำเชิญของสมาคมปิงปองแห่งประเทศไทย
เพื่อเชื่อมสัมพันธไมตรีกับนักกีฬาไทย และเป็นการตอบสนองน้ำใจไมตรี
อันดีที่คณะนักกีฬาและเจ้าหน้าที่ของสมาคมปิงปองแห่ง
สาธารณรัฐประชาชนจีนได้ให้แก่นักกีฬาไทยเมื่อคราวเดินทางไป
แข่งขันที่กรุงปักกิ่งในปี พ.ศ. 2515
- 25 สิงหาคม-15 กันยายน พ.ศ. 2516 พลตรี ชาติชาย ชุณหะวัณ
รัฐมนตรีช่วยว่าการ กระทรวงการต่างประเทศ ในฐานะที่ปรึกษาขององค์การเชื้อเพลิง
นำคณะผู้แทนการค้าไทย 14 คน เดินทางไปเจรจาของซื้อน้ำมันจาก
สาธารณรัฐประชาชนจีนที่กรุงปักกิ่ง
- 13-15 มกราคม พ.ศ. 2517 พลตรี อำนวย โสมนัส ผู้อำนวยการองค์การเชื้อเพลิง
ได้เดินทาง ไปลงนามในสัญญาซื้อน้ำมันดีเซลหมุนเร็วจำนวน 50,000 ตัน กับ
ผู้แทนของสาธารณรัฐประชาชนจีนที่ฮ่องกง -14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2517 พลอากาศเอก
ทวี จุลละทรัพย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะประธานโอลิมปิคไทย
เดินทางไปเยือนกรุงปักกิ่งตามคำเชิญ ของสาธารณรัฐประชาชนจีน
- 5-26 เมษายน พ.ศ. 2517 คณะแพทย์ไทย 16 คน ในฐานะผู้แทนของแพทยสมาคมแห่ง
ประเทศไทย โดยมีศาสตราจารย์ นายแพทย์สนอง อูนากูล เป็นประธาน
เดินทางไปเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีนตามคำเชิญของสมาคมแพทย์
แห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน เพื่อเป็นการเชื่อมสัมพันธภาพและ
แลกเปลี่ยนความคิดเห็นทางด้านการแพทย์และการสาธารณสุข
- 7-18 เมษายน พ.ศ. 2517
ทีมนักบาสเกตบอลไทยเดินทางไปแข่งขันในสาธารณรัฐประชาชนจีน โดยมีพันเอก อนุ
รมยานนท์ เป็นหัวหน้าคณะ
- 17-30 พฤษภาคม พ.ศ. 2517 ทีมนักแบดมินตันของสาธารณรัฐประชาชนจีน เดินทางมา
แข่งขันในประเทศไทย
- 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2517 ทีมนักฟุตบอลของสาธารณรัฐประชาชนจีนเดินทางมาแข่งขัน
ในประเทศไทย
- 4 ธันวาคม พ.ศ. 2517 ทีมบาสเกตบอลของสาธารณรัฐประชาชนจีน เดินทางมาแข่งขัน
ในประเทศไทย
- 6 ธันวาคม พ.ศ. 2517 สภานิติบัญญัติแห่งชาติของไทยผ่านร่างพระราชบัญญัติ
ยกเลิกประกาศ คณะปฏิวัติฉบับที่ 53
- 17-20 ธันวาคม พ.ศ. 2517 นาย ประสงค์ สุขุม
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะ หัวหน้าคณะทูตพาณิชย์ไทย
เดินทางไปเจรจาเรื่องการค้าระหว่างไทย กับสาธารณรัฐประชาชนจีนอย่างเป็นทางการ
- 4 มกราคม พ.ศ. 2518 พลตรีชาติชาย ชุณหะวัณ
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ พร้อมด้วยคณะ
เดินทางไปเจรจาขอซื้อน้ำมันจาก สาธารณรัฐประชาชนจีน
- 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2518 ถูเป่าจง
รองเลขาธิการแพทยสมาคมแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน นำคณะแพทย์จำนวน 8 คน
เดินทางมาเยือนและดูงานแพทย์ของไทย ตามคำเชิญของแพทยสมาคมแห่งประเทศไทย
- 19 มีนาคม พ.ศ. 2518 ม.ร.ว. คึกฤทธิ์ ปราโมช
นายกรัฐมนตรีแถลงนโยบายต่างประเทศ ต่อสภาผู้แทนราษฎร
ว่าจะรับรองและมีความสัมพันธ์เป็นปกติกับ สาธารณรัฐประชาชนจีน
- 19 มีนาคม พ.ศ. 2518 นายประภาศน์ อวยชัย ปลัดกระทรวงยุติธรรม
ในฐานะหัวหน้าทีม นักแบดมินตันไทย นำคณะแบดมินตันไทย 15 คน เดินทางไปแข่งขัน
ที่สาธารณรัฐประชาชนจีน
- เมษายน-พฤษภาคม พ.ศ. 2518 กัมพูชา เวียดนาม
และลาวพ่ายแพ้และถูกยึดครองดินแดน โดยฝ่ายคอมมิวนิสต์
- 20 เมษายน พ.ศ. 2518 นายประดิษฐ์ เชี่ยวสกุล
นายกสมาคมวิทยาศาสตร์แห่งประเทศไทย นำคณะนักวิทยาศาสตร์ไทย 15 คน
เดินทางไปดูงานที่ สาธารณรัฐประชาชนจีน
- 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2518 นายพิชัย รัตตกุล
หัวหน้าคณะผู้แทนราษฎรแห่งพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมคณะ 5 คน
เดินทางไปเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีน ตามคำเชิญ
ของสมาคมวิเทศสัมพันธ์ของสาธารณรัฐประชาชนจีน
- 8 มิถุนายน พ.ศ. 2518 นายประสิทธิ์ กาญจนวัฒน์ ประธานรัฐสภาไทยนำคณะผู้แทน
รัฐสภาไทย 30 คน เดินทางไปเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีน
- 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2518 ม.ร.ว. คึกฤทธิ์ ปราโมช
นายกรัฐมนตรีของไทยลงนามในแถลงการณ์
ร่วมสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างไทยกับ สาธารณรัฐประชาชนจีน
- 6 ตุลาคม พ.ศ. 2519 เกิดเหตุการณ์รัฐประหารขึ้นขึ้นในไทย
นำไปสู่การจัดตั้งรัฐบาลขวาจัด
ทำให้ความสัมพันธ์ชะงักงันไปซึ่งเนื่องมาจากรัฐบาลธานินทร์ กรัยวิเชียร
ต่อต้านคอมมิวนิส์มาก จึงไม่คบค้ากับจีนเท่าที่ควร
- พ.ศ. 2519-พ.ศ. 2520 ความสัมพันธ์ไทย-จีนได้ตกอยู่ในสภาพที่ถูกแช่แข็ง
- 20 ตุลาคม พ.ศ. 2520 รัฐบาลธานินทร์ตกจากอำนาจ รัฐบาลพล.อ.เกรียงศักดิ์
ชมะนันท์ ขึ้นมาแทนทำให้ไทยกลับมาสู่ความใกล้ชิดกับจีนอย่างรวดเร็ว
- พ.ศ. 2520-2521 เติ้งเสี่ยวผิงเริ่มกลับขึ้นมามีอำนาจ
จีนเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงนโยบาย พรรคต่อพรรค รัฐต่อรัฐ และจีนประกาศว่า
ไม่แทรกแซงกิจการภายใน ของประเทศเพื่อนบ้าน
- พ.ศ. 2521 เกิดกรณีการยึดครองกัมพูชาของเวียดนามขึ้น ซึ่งนับได้ว่าเป็นการ
เร่งให้กระบวนการความสัมพันธ์ไทย-จีน เกิดความแนบแน่นมากยิ่งขึ้น
- พ.ศ. 2522 จีนลดน้ำหนักความสำคัญของพรรค แต่ยังมีการสนับสนุนก้านการเงิน
และเรื่องอื่น ๆ อยู่ จีนไปเพิ่มความสำพันธ์ รัฐต่อรัฐมากขึ้น
- 25-26 ธันวาคม พ.ศ. 2522 หลังจากเวียดนามรุกรานกัมพูชา
จีนกับไทยได้ร่วมมือกันอย่าง ใกล้ชิดในการคัดค้านเวียดนาม
โดยจีนทุ่มเททุกอย่างเพื่อป้องกันไม่ให้
เวียดนามเป็นใหญ่ได้ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีการรุกราน
เวียดนามที่เรียกว่า "สงครามสั่งสอน"
- พ.ศ. 2522-พ.ศ. 2538 ความสัมพันธ์ ไทย-จีน
เป็นไปอย่างราบรื่นในระดับรัฐต่อรัฐ และโน้มนำ ไปสู่ระดับประชาชนต่อประชาชนด้วย
ภายหลังการสิ้นสุดสงครามเย็น
จากความสัมพันธ์ที่มุ่งเน้นให้ความสำคัญอยู่ที่ความมั่นคงทางการเมือง
ได้ถูกโยกย้ายมาเป็นมุ่งเน้นความมั่นคงทางเศรษฐกิจแทน
- 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2542 นายประภาศน์ อวยชัย ปลัดกระทรวงยุติธรรม
ในฐานะหัวหน้าทีม นักแบดมินตันไทย นำคณะแบดมินตันไทย 15 คน เดินทางไปแข่งขัน
ที่สาธารณรัฐประชาชนจีน
- เมษายน-พฤษภาคม ได้มีการลงนามในแถลงการณ์ร่วมว่าด้วยแผนงานความร่วมมือ ในศตวรรษที่ 21 ระหว่างราชอาณาจักรไทยกับสาธารณรัฐประชาชนจีน ที่กรุงเทพฯ ประเทศไทย
ความสัมพันธ์ด้านการเมืองระหว่างไทยกับจีน
การแลกเปลี่ยนการเยือนระดับสูง
ความร่วมมือไทย-จีนในศตวรรษที่ 21
ความร่วมมือไทย-จีนว่าด้วยด้านยาเสพติด
สัมพันธภาพระหว่างประเทศไทยกับประเทศจีนในด้านอื่นๆ
บทสุนทรพจน์ในวาระการครบรอบ 25 ปี
แห่งการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างจีน-ไทย


