สังคมศาสตร์ รัฐศาสตร์ การเมือง เศรษฐศาสตร์ >>
บทที่ 1 ปฐมบท
บทที่ 2 นโยบายสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ
บทที่ 3 แผนปฏิบัติการสิทธิมนุษยชนเฉพาะด้าน
บทที่ 4 แผนปฏิบัติการสิทธิมนุษยชนตามกลุ่มเป้าหมาย
บทที่ 5 การส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชนตามสนธิสัญญา
และแนวปฏิบัติระหว่างประเทศ
บทที่ 6 การส่งเสริมการดำเนินงานสิทธิมนุษยชน
บทที่ 7
กลไกการบริหารการจัดการเพื่อส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชน
บทที่ 4 แผนปฏิบัติการสิทธิมนุษยชนตามกลุ่มเป้าหมาย
แผนปฏิบัติการแม่บทว่าด้วยสิทธิมนุษยชนของผู้หนีภัย
สภาพปัญหา
ในช่วงกว่าสองทศวรรษที่ผ่านมา ประเทศไทยได้รับภาระดูแลผู้หนีภัยจาก
ประเทศเพื่อนบ้านนับจำนวนรวมกันแล้วกว่าล้านคน บุคคลเหล่านี้หนีออกประเทศของ
ตนด้วยสาเหตุต่างๆ กันอันเนื่องมาจากวิกฤตการณ์ทางการเมือง สงครามกลางเมือง
ภัยประหัตประหาร การยึดครองของต่างชาติ การกดขี่เสรีภาพ ความขัดแย้งทางเชื้อชาติ
ศาสนา การละเมิดสิทธิ มนุษยชน ภัยพิบัติทางธรรมชาติ โรคภัยไข้เจ็บ ตลอดจนภัย
เศรษฐกิจที่ตกต่ำ และความอดอยากแร้นแค้น
ในปัจจุบัน มีผู้หนีภัยฯ ชาวพม่าประมาณ 1 แสนคน
อาศัยอยู่ในพื้นที่พักพิงชั่ว คราว 11 แห่ง ในพื้นที่ชายแดน 5 จังหวัด คือ
กาญจนบุรี ราชบุรี ตาก แม่ฮ่องสอน และชุมพร และนักศึกษาพม่าประมาณ 1 พันคน ในศูนย์
บ้านมณีลอย จังหวัดราชบุรี
สำหรับผู้อพยพจากอินโดจีนได้เดินทางกลับมาตุภูมิหรือไปตั้งถิ่นฐานในประเทศที่สาม
จนเกือบหมดแล้ว
ในปัจจุบัน แม้ว่าประเทศไทยมิได้เป็นภาคีอนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วย
สถานะผู้ลี้ภัยปี ค.ศ. 1951 (พ.ศ. 2494) เนื่องจากมีข้อติดขัดหลายประการทาง
กฎหมายในการให้สิทธิต่างๆ แก่ผู้ลี้ภัยตามที่บัญญัติไว้ในอนุสัญญาฯ แต่ประเทศไทย
ก็ได้ให้การปฏิบัติต่อผู้ลี้ภัยบนพื้นฐานของหลักการมนุษยธรรมและสอดคล้องตามหลัก
การพื้นฐานที่สำคัญของอนุสัญญาฯ มาโดยตลอด ซึ่งการปฏิบัติของไทยได้รับการ
ยอมรับด้วยดีจากประชาคมระหว่างประเทศ ทั้งนี้ ประเทศไทยได้ร่วมมือกับองค์การ
ระหว่างประเทศที่ให้ความช่วยเหลือทางด้านมนุษยธรรม เช่น สำนักงานข้าหลวงใหญ่
ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติองค์การอนามัยโลก ฯลฯ ตลอดจนองค์กรพัฒนาเอกชนต่าง ๆ
ในการให้ความช่วยเหลือแก่ผู้หนีภัยเหล่านั้น ในระหว่างที่พักพิงอยู่ในประเทศไทย
และเมื่อสถานการณ์ของประเทศมาตุภูมิเหล่านั้นกลับคืนสู่สภาพที่ปลอดภัย ก็ได้ช่วย
เหลือผู้หนีภัยเดินทางกลับมาตุภูมิอย่างปลอดภัยและมีศักดิ์ศรี
นอกจากนั้น นับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2541 รัฐบาลไทยได้จัดทำ Working Arrangements
กับสำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัย (UNHCR) โดยได้อนุญาตให้ UNHCR
มีบทบาทเพิ่มขึ้นในปัญหาผู้หนีภัยฯ พม่า เช่น ร่วมสังเกตการณ์ในการรับให้
พื้นที่พักพิงและการส่งกลับ ช่วยเหลือทางการไทยในการจัดทำทะเบียน และการย้ายพื้น
ที่พักพิง เป็นต้น
อนึ่ง ข้อจำกัดด้านนโยบายของรัฐบาลไทยต่อผู้หนีภัยฯ ในปัจจุบันคือ
จะให้ความ
ช่วยเหลือทางด้านมนุษยธรรมแก่ผู้หนีภัยจากการสู้รบและการประหัตประหารเท่านั้น
ดังนั้น ผู้ที่เดินทางเข้าประเทศไทยด้วยสาเหตุอื่น ๆ เช่น ถูกบังคับย้ายถิ่นฐาน
บังคับใช้ แรงงาน หลบหนีการละเมิดสิทธิมนุษยชนหรือความหวาดกลัวต่าง ๆ รัฐบาลไทยไม่
สามารถแบกรับภาระในการจัดหาพื้นที่พักพิงชั่วคราวให้ได้ นอกจากดำเนินการส่งกลับ
อย่างปลอดภัย
ปัจจุบันรัฐบาลไทยได้กำหนดการรับรองสิทธิมนุษยชนของบุคคลทุกคนที่อยู่ใน
ประเทศไทยโดยไม่จำกัดว่าจะต้องเป็นคนไทยเท่านั้น ซึ่งย่อมรวมถึงผู้อพยพ ผู้หนีภัย
ซึ่งอาศัยอยู่ในประเทศไทยด้วยโดยมีบัญญัติไว้ในมาตรา 4 ว่า "ศักดิ์ศรีของความเป็น
มนุษย์ สิทธิและเสรีภาพของบุคคล ย่อมได้รับการคุ้มครอง"
ข้อเสนอแนะเชิงปฏิบัติการ
มาตรการเร่งด่วน
1.ให้ความช่วยเหลือทางด้านมนุษยธรรม เมื่อมีผู้หนีภัยจากการสู้รบและภัย
ประหัตประหารเข้ามาอยู่ในเขตแดนไทย โดยมุ่งให้ผู้หนีภัยมีความปลอดภัยในชีวิต
เป็นประการสำคัญ
2 รักษาศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของผู้หนีภัย โดยอำนวยความสะดวกให้ผู้หนีภัย ได้อยู่อาศัยในพื้นที่พักพิงชั่วคราวที่มีความปลอดภัย มีอาหาร มีสาธารณูปโภคขั้นพื้น ฐาน มีสุขอนามัยจนกว่าสถานการณ์ในประเทศที่ผู้หนีภัยออกมากลับคืนสู่สภาพปลอด ภัยต่อชีวิตของผู้หนีภัย
3. ประสานและร่วมมือกับองค์การระหว่างประเทศและองค์กรพัฒนาเอกชนในการ ให้ความช่วยเหลือทางด้านมนุษยธรรม และคุ้มครองสิทธิมนุษยชนของผู้หนีภัยใน ระหว่างที่อยู่ในพื้นที่พักพิงชั่วคราวที่รัฐบาลจัดให้
4. อำนวยความสะดวกในการส่งกลับผู้หนีภัยคืนสู่ประเทศมาตุภูมิอย่างปลอดภัย และมีศักดิ์ศรีเมื่อเห็นว่าสถานการณ์ในประเทศมาตุภูมิของผู้หนีภัยเหล่านั้นได้กลับคืนสู่ สภาพปกติและไม่เป็นภัยต่อชีวิตของผู้หนีภัย
5. ให้ผู้หนีภัยเด็กและสตรีได้รับพัฒนาการอย่างเหมาะสมตามวัย ทั้งในด้าน ร่างกายจิตใจ และปัญญาในระหว่างอยู่ในพื้นที่พักพิงชั่วคราว
6. ป้องกันและขจัดการใช้ความรุนแรงทุกรูปแบบต่อผู้หนีภัย
โดยเฉพาะผู้หนีภัย เด็กและสตรี
ระยะเวลาดำเนินการ : ดำเนินการอย่างต่อเนื่องตลอดระยะเวลาของแผนนี้
หน่วยงานผู้รับผิดชอบ : กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงกลาโหม กระทรวงมหาดไทย
สำนักงานคณะกรรมการความมั่นคงแห่งชาติ
มาตรการระยะยาว
1.ดำเนินนโยบายต่างประเทศในเชิงรุกที่มุ่งเน้นการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของ
ประเทศเพื่อนบ้านร่วมกับประเทศพัฒนาแล้วและองค์การระหว่างประเทศต่าง ๆ เช่น United
Nations Development Programme (UNDP) ธนาคารโลก, World Food Programme, UNICEF
เป็นต้นทั้งนี้ เพื่อป้องกันและลดจำนวน ผู้หนีภัยที่หลั่งไหลเข้ามาในประเทศไทยให้มี
จำนวนในระดับที่ประเทศไทยและองค์การ
ระหว่างประเทศจะสามารถให้ความช่วยเหลือได้อย่างมีคุณภาพและมีประสิทธิภาพ
และเพื่อเอื้อต่อการสนับสนุนให้ผู้หนีภัยสามารถเดินทางกลับภูมิลำเนาได้โดยสมัครใจ
เพราะสภาพเศรษฐกิจ สังคม และการเมืองที่ดีขึ้นในประเทศที่ตนจากมา
ระยะเวลาดำเนินการ : ดำเนินการอย่างต่อเนื่องตลอดระยะเวลาของแผนนี้
หน่วยงานผู้รับผิดชอบ : กระทรวงการต่างประเทศ กรมวิเทศสหการ กระทรวง พาณิชย์
สำนักงานคณะกรรมการมั่นคงแห่งชาติ
2. กระตุ้นให้ประเทศต้นเหตุและองค์การระหว่างประเทศพิจารณาดำเนิน มาตรการป้องกันต่าง ๆ ทั้งในด้านการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม ในการป้องกันการ หลั่งไหลของ ผู้หนีภัยจากประเทศต้นเหตุไปยังประเทศเพื่อนบ้าน
3. เสนอให้รัฐบาลพิจารณาความเป็นไปได้ในการเข้าเป็นภาคีอนุสัญญาว่าด้วย สถานภาพผู้ลี้ภัย ปี ค.ศ. 1951
4.1 สิทธิมนุษยชนของเด็ก
4.2 สิทธิมนุษยชนของสตรี
4.3 สิทธิมนุษยชนของผู้สูงอายุ
4.4 สิทธิมนุษยชนของคนพิการ
4.5 สิทธิมนุษยชนของผู้ป่วย
4.6 สิทธิมนุษยชนของผู้ติดเชื้อ เอชไอวี/เอดส์
4.7 สิทธิมนุษยชนของชนกลุ่มน้อย
4.8 สิทธิมนุษยชนของคนต่างด้าว
4.9 สิทธิมนุษยชนของผู้หนีภัย
4.10 สิทธิมนุษยชนของคนไร้สัญชาติ
4.11 สิทธิมนุษยชนคนจน
4.12 สิทธิมนุษยชนของผู้ใช้แรงงาน
4.13 สิทธิมนุษยชนของเกษตรกร
4.14 สิทธิมนุษยชนของผู้บริโภค
4.15 สิทธิมนุษยชนของผู้พิทักษ์สิทธิมนุษยชน
4.16 สิทธิมนุษยชนของผู้ต้องคุมขัง
4.17 สิทธิมนุษยชนของผู้พ้นโทษ
4.18 สิทธิมนุษยชนของผู้เสียหาย (เหยื่ออาชญากรรม)
4.19 สิทธิมนุษยชนของชุมชน
4.20 สิทธิมนุษยชนของผู้รับบริการสงเคราะห์จากรัฐ