ขนบธรรมเนียม ประเพณี วัฒนธรรม อารยธรรม >>
สังคมโลก
สังคมโลกได้วิวัฒนาการสร้างสรรค์อารยธรรมและพัฒนาการขึ้นมาเป็นลำดับ เมื่อสงครามโลกครั้งที่ 2 ยุติลง สถานการณ์ทางการเมืองของโลกเกิดการเปลี่ยนแปลง สหรัฐอเมริกาและสหภาพโซเวียต สองอภิมหาอำนาจมีบทบาทแทนที่อังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมนี ผลกระทบจากสงครามทำลายจิตใจของผู้คน เกิดความสูญเสียทั้งชีวิต ไร้ที่อยู่อาศัย ความพิการซึ่งเป็นภาระที่รัฐบาลต้องเร่งฟื้นฟูบูรณะให้กลับคืนมา ธุรกิจการค้า โรงงานอุตสาหกรรม เส้นทางคมนาคม ถูกทำลายอย่างย่อยยับ ดินแดนที่เป็นสมรภูมิของสงครามประสบปัญหาความอดอยาก ยากจน ขาดแคลนอาหาร สภาพเศรษฐกิจใกล้จะล้มละลาย องค์การสหประชาชาติจึงมีบทบาทสำคัญในการให้ความช่วยเหลือมนุษยชาติและรักษาสันติภาพของสังคมโลก เนื่องจากโลกได้แบ่งออกเป็นสองค่าย ต่อสู้กันระหว่างการปกครองระบอบประชาธิปไตยที่มีสหรัฐอเมริกาเป็นผู้นำกลุ่มกับการปกครองระบอบคอมมิวนิสต์ที่มีสหภาพโซเวียตเป็นผู้นำกลุ่ม เกิดการแข่งขันกันสร้างอิทธิพลในดินแดนต่าง ๆ อุดมการณ์ทางการเมืองที่แตกต่างกันทำให้สงครามเย็นอุบัติขึ้น เกิดสงครามในภูมิภาคต่าง ๆ ขึ้นทั่วโลก ผู้คนต่างหวาดกลัวภัยสงคราม มหาอำนาจแต่ละค่ายต่างแข่งขันกันผลิตอาวุธที่มีอานุภาพร้ายแรง พัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ สร้างขีปนาวุธเพื่อประหัตประหารฝ่ายตรงข้าม ดินแดนที่เคยตกเป็นอาณานิคมได้ต่อสู้เพื่อเรียกร้องเอกราช ทั้งแบบสันติวิธีและแบบรุนแรงจับอาวุธขับไล่ชาติตะวันตก เกิดการสู้รบในอินโดจีนอย่างรุนแรงโดยเฉพาะในเวียดนาม เป็นสงครามตัวแทนระหว่างสหภาพโซเวียตและสหรัฐอเมริกา ภายหลังที่ประเทศอาณานิคมได้รับเอกราชมักมีปัญหาทางการปกครอง มีผลทำให้ทหารมีบทบาทกุมอำนาจการบริหารไว้ได้ แต่ปัญหาชนกลุ่มน้อยและปัญหาเชื้อชาติก็ยังคงดำรงอยู่เพื่อรอการแก้ไข เมื่อสหภาพโซเวียตปรับเปลี่ยนนโยบายการปกครองและเศรษฐกิจ ส่งผลให้ประเทศล่มสลายลง สงครามเย็นจึงยุติลง
สังคมโลกยุคปัจจุบันมีความก้าวหน้าเกิดการพัฒนาเทคโนโลยีระดับสูงเป็นการปฏิวัติที่ยิ่งใหญ่ของมนุษยชาติ
เข้าสู่ยุคโลกาภิวัตน์ เกิดการปรับเปลี่ยนโครงสร้างเศรษฐกิจสังคมการเมืองโลก
มีผลทำให้ประเทศต่าง ๆ ในโลกต้องพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน โลกที่กว้างใหญ่ดูเล็กลง
ดินแดนที่อยู่ห่างไกลสามารถติดต่อถึงกันภายในเสี้ยววินาที
ทุกคนก้าวสู่สังคมใหม่เป็นหนึ่งเดียว องค์การระหว่างประเทศจึงทวีความสำคัญยิ่งขึ้น
ดำเนินการเพื่อประโยชน์ส่วนรวม
ประนีประนอมสร้างความสัมพันธ์ในการช่วยเหลือซึ่งกันและกัน
เพื่อสันติภาพและความมั่นคงของสังคมโลก
ปัจจุบันโลกมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและรุนแรงในทุกมิติทั้งทางสังคม เศรษฐกิจ
การเมืองและเทคโนโลยี อันเป็นผลมาจากการพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศ
และการปรับเปลี่ยนโครงสร้างเศรษฐกิจและการเมืองโลก มีผลทำให้ประเทศต่าง ๆ
ในโลกต้องพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน และมีความเชื่อมโยงระหว่างกันมากขึ้น
โลกที่เคยกว้างใหญ่กลับเล็กลงดินแดนแต่ละประเทศที่อยู่ห่างไกลกัน
สามารถติดต่อกันได้ภายในเวลาเสี้ยววินาทีประดุจเป็นหมู่บ้านเดียวกัน (Global
Village)
ภูเขาและทะเลซึ่งเป็นพรมแดนธรรมชาติที่เคยเป็นอุปสรรคในการติดต่อไปมาหาสู่ดูเสมือนเลือนหายไปจนกลายเป็นโลกไร้พรมแดน
นับจากนี้ต่อไปโลกกำลังก้าวเข้าสู่ระยะแห่งการเปลี่ยนยุคเปลี่ยนสมัย
การเปลี่ยนผ่านที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ของประวัติศาสตร์โลกในยุคโลกาภิวัตน์
(ดูรายละเอียดในบทที่ 8)
ดังนั้นสังคมโลกในปัจจุบันจึงเป็นโลกที่มนุษย์สามารถข้ามพรมแดนของประเทศ
สามารถเชื่อมโยงและทะลุกาลเวลาได้อย่างรวดเร็ว
โดยอาศัยเทคโนโลยีสารสนเทศเป็นเครื่องมือในการติดต่อสื่อสารในลักษณะที่ไร้พรมแดนที่ส่งผลกระทบต่อสังคมและวัฒนธรรมด้วยการครอบโลกทางวัฒนธรรม
อันเนื่องมาจากระบบสื่อสารไร้พรมแดน ก่อให้เกิดกระแสวัฒนธรรมโลก
(Neo-Westernization) การครอบงำทางด้านความคิด การมองโลก การแต่งกาย
การบริโภคนิยมแพร่หลายเข้าครอบคลุมเหนือวัฒนธรรมของประชาคมทั่วโลก ผลที่ตามมาคือ
เกิดระบบผูกขาดไร้พรมแดน ส่งผลให้เกิดหมู่บ้านโลก (Global Village)
เป็นสังคมโลกไร้พรมแดน โลกทั้งโลกเป็นเสมือนหมู่บ้านเดียวกัน
หมายถึงหากมีสิ่งใดมากระทบประเทศหนึ่งก็ย่อมกระทบไปถึงประเทศอื่น ๆ ด้วย
อีกทั้งยังเกิดการแสวงหากำไรแบบใหม่ที่ไปกระจุกตัวอยู่ที่ประเทศใดประเทศหนึ่งจนก่อให้เกิดการพองตัวของทุนอย่างรวดเร็ว
และในประการสุดท้ายเทคโนโลยีสมัยใหม่ที่เกิดขึ้นก็ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงของสังคมโลกในด้านการพัฒนาเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์
เทคโนโลยีคมนาคม เทคโนโลยีสารสนเทศ เป็นต้น
» สังคมโลก
» สถานการณ์ความขัดแย้งทางสังคมและวัฒนธรรมระดับโลกในยุคโลกาภิวัตน์
» สถานการณ์ความขัดแย้งทางสังคมและวัฒนธรรมต่างๆที่เกิดขึ้นในโลกตามการจัดแบ่งมูลเหตุแห่งความขัดแย้ง
» ความขัดแย้งทางสังคมและวัฒนธรรม ระดับโลกในยุคโลกาภิวัตน์


