วิทยาศาสตร์ ดาราศาสตร์ ฟิสิกส์ เคมี ชีววิทยา >>
การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของโลก
และผลกระทบที่เกิดขึ้นในประเทศไทย
ผลกระทบจากภาวะโลกร้อนเริ่มเกิดขึ้นแล้วจริงหรือ
ภัยพิบัติจากธรรมชาติทั่วโลกทำให้สื่อต่าง ๆ
ทั่วโลกเริ่มแสวงหาความรู้ความเข้าใจ เพื่อนำไปถ่ายทอดให้สาธารณชนรับรู้
ในประเทศไทยนั้นทั้งสื่อหนังสือพิมพ์และโทรทัศน์ได้เริ่มกระบวนการถ่ายทอดความรู้นี้แล้ว
ดังตัวอย่างข้อความที่นำมาถ่ายทอด ณ ที่นี้
........พาเหรดพายุและน้ำท่วมที่ป่วนโลกอยู่ในตอนนี้
นอกจากความเสียหายระดับพระกาฬที่ทิ้งไว้ ยังแถมคำถามสำคัญมาให้ขบคิดด้วยว่า
เกิดอะไรขึ้นกับโลก
หรือคำทำนายบางอย่างจะเป็นจริง และโลกกำลังจะถึงจุดวิกฤติหรือไม่
ทิพย์พิมล เกียรติวาทีรัตนะ(กรุงเทพธุรกิจ,วันพุธที่ 19 ต.ค. 2548)
พาไปหาคำตอบตามหลักวิทยาศาสตร์ จากสถาบันการศึกษาที่เกี่ยวข้อง ดังนี้:-
- รศ.ธนวัฒน์ จารุพงษ์สกุล อาจารย์ภาควิชาธรณีวิทยา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
กล่าวโทษมนุษย์ คือตัวการของหายนภัยดังกล่าว ตลอดหลายสิบปีที่ผ่านมา
การบริโภคพลังงานและทรัพยากรโลกของมนุษย์ส่งผลให้เกิดการสะสมของก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในชั้นบรรยากาศ
จนส่งผลให้เกิดภาวะเรือนกระจกที่เข้าขั้นวิกฤติ
- "พิบัติภัยทั้งหลายที่เกิดขึ้นทั่วโลกเป็นผลมาจากภาวะโลกร้อนโดยตรง
ประเทศไทยเองก็ไม่อาจหลีกพ้นสภาวการณ์ดังกล่าวไปได้
จะเห็นได้ว่าบ้านเรามีแนวโน้มจะเกิดปริมาณฝนตกในฤดูลดลง หรือฤดูฝนสั้นลง
ขณะที่ฤดูหนาวจะมีฝนตกเพิ่มขึ้น และจะเป็นฝนทิ้งช่วง ตกครั้งละมากๆ
- นอกจากนี้ โอกาสที่พายุโซนร้อนและไต้ฝุ่นจะเปลี่ยนทิศพัดเข้าสู่ประเทศไทยทางอ่าวไทยโดยตรงมากขึ้นด้วย จาก 3-5 ปีต่อลูก ก็จะเป็น 1-2 ปีต่อลูก ตามมาด้วยอุทกภัยและแผ่นดินถล่ม โดยเฉพาะพื้นที่บริเวณชายฝั่งตะวันออก ภาคใต้ฝั่งตะวันออก และกรุงเทพมหานคร"
นอกเหนือจากวิทยาศาสตร์ดังกล่าว อาจารย์นิธิ เอี่ยวศรีวงศ์ นักสังคมศาสตร์
ได้กล่าวในบทความเรื่อง ภาวะฉุกเฉินของประชาชน ในหนังสือพิมพ์มติชนรายวัน (วันที่
10 กรกฏาคม พ.ศ. 2549) ไว้ว่า
โศกนาฏกรรมทำนองนี้เกิดซ้ำแล้วซ้ำอีกในทุกพื้นที่ซึ่งประสบภัยธรรมชาติ
ไม่ว่าขนาดเล็กหรือใหญ่ น้ำท่วมใหญ่ที่บ้านกรูดเมื่อปีกลาย
และน้ำท่วมใหญ่กับดินถล่มที่อุตรดิตถ์ในปีนี้, ฯลฯ ....................
บัดนี้ความเห็นทางวิทยาศาสตร์ค่อนข้างสอดคล้องกันแล้วว่า
ความเปลี่ยนแปลงด้านภูมิอากาศของโลกทำให้อุบัติภัยทางธรรมชาติมีแนวโน้มจะเกิดถี่ขึ้นและรุนแรงขึ้น
ฉะนั้นสังคมไทยจึงกำลังก้าวเข้าสู่ยุคภัยพิบัติระดับโลก
โดยไม่มีวิธีจัดการกับผลของมันอย่างมีประสิทธิภาพและเป็นธรรม
ถึงเวลาที่เราควรคิดเรื่องนี้อย่างจริงจังว่าจะปรับปรุงความสามารถในภาครัฐและเอกชน
เพื่อการบูรณะฟื้นฟูภัยพิบัติอย่างไร
ทั้งหมดเป็นเพียงตัวอย่างของความตระหนักที่ได้เริ่มเกิดขึ้นแล้ว
สำหรับประเทศไทยไม่ว่าจะเป็นมุมมองของนักวิทยาศาสตร์หรือนักสังคมศาสตร์
โลกร้อน: ผลกระทบสะสมเชิงปฏิสัมพันธ์
หากจะกล่าวว่าผลกระทบของโลกร้อนที่คิดว่าเกิดขึ้นกับโลกของเราและประเทศของเราแล้วนี้
เป็นผลอันเกิดจากการสะสมของก๊าซเรือนกระจกจากประเทศอุตสาหกรรม
จากการใช้พลังงานทั้งในเมืองและชนบท
แต่เพียงมุมเดียวก็คงไม่ยุติธรรมสำหรับประเทศเหล่านั้นเท่าใดนัก
ประเทศที่กำลังพัฒนาที่จะใช้ทรัพยากรที่ดิน น้ำ ป่าไม้
เป็นฐานในการพัฒนาก็ได้มีส่วนเปลี่ยนแปลงสิ่งปกคลุมดินของโลก
และการเพิ่มก๊าซเรือนกระจกด้วยเช่นกัน จากการตัดไม้ทำลายป่าแล้วเผาเพื่อทำการเกษตร
ซึ่งแทบจะไม่มีโอกาสทำให้พื้นที่นั้นกลับสู่สภาพเดิมได้อีก
ดังนั้นภาวะโลกร้อนอันนี้ซึ่งเป็นลักษณะของผลกระทบแวดล้อมในระดับท้องถิ่น
ระดับภูมิภาค ระดับประเทศ ระดับทวีปและทั่วทั้งโลก
อย่างมีปฏิสัมพันธ์เชื่อมโยงกันทั้งหมด
ผลกระทบสะสมเชิงปฏิสัมพันธ์ได้มีมาตลอดและจะมีเพิ่มมากขึ้นตลอดไป
ผลกระทบที่พบเห็นได้ในขณะนี้ (Impacts Observable Now)
ในบทสรุปของรายงานก่อนจะเป็นฉบับสมบูรณ์ (Draft) ของ IPCC กลุ่ม 2 ในเรื่องของผลกระทบและการปรับตัวรับสภาวะการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศของโลกซึ่งจะตีพิมพ์ออกเป็นทางการในปีหน้า (ค.ศ. 2007) ได้สรุปประเด็นที่น่าสนใจพอนำมาประมวลได้สั้น ๆ ดังนี้
- ลักษณะอากาศที่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงในระบบกายภาพ และชีวภาพ (physical and
biological system)ที่ชัดเจนที่สุดคือการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิอันเกิดจาก GHG
(High Confidence, HC หมายถึง ผู้ศึกษามีความมั่นใจในระดับสูง )
-
ผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่ทำให้อุณหภูมิสูงขึ้นได้ส่งผลแล้วต่อ/กระบวนการทางอุทกวิทยา,
ทรัพยากรน้ำ, มหาสมุทร, และ ชายฝั่งทะเล (HC)
-
มีหลักฐานมากขึ้นว่าการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศได้ส่งผลกระทบต่อระบบธรรมชาติของสิ่งมีชีวิตบนบก
(terrestrial natural biological systems) ระบบนิเวศมหาสมุทร และ แหล่งน้ำจืด
(HC)
- ผลกระทบต่อการเกษตร และสุขภาพมนุษย์ก็พบบ้างแล้ว แต่ยังมีความมั่นใจในระดับปานกลาง เนื่องจากมีการปรับตัวรองรับเรื่องนี้กันบ้างแล้ว (Medium Confidence, MCหมายถึง ผู้ศึกษามีความมั่นใจในระดับปานกลาง)
รายละเอียดในเรื่องนี้คงจะต้องรอรายงานฉบับสมบูรณ์ของ IPCC Forth Assessment Report-Climate Change 2007: Climate Change Impacts, Adaptation and Vulnerability ยังคาดว่าจะออกมาในเร็ววันนี้ อย่างไรก็ตามก่อนหน้าบทสรุปข้างบนนี้ Ramachandran (2001) ได้นำผลการศึกษาจากรายงานของคณะกรรมการศึกษาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศระหว่างชาติ (IPCC) ในปีก่อนหน้านี้มาเสนอไว้ว่ากิจกรรมต่าง ๆ ที่มนุษย์ได้พัฒนาตลอดมาได้ส่งผลทำให้เกิดภาวะโลกร้อนมากขึ้นในช่วง 50 ปีที่ผ่านมาและคาดว่าจะส่งผลกระทบต่อลักษณะทางอุตุ-อุทกวิทยาทั้งโลกโดยทั่วไปซึ่งพอสรุปได้ดังต่อไปนี้:
- ระหว่างช่วงเวลา 50 ปีที่ผ่านมาปริมาณฝน หิมะ และ
น้ำจากท้องฟ้ารูปแบบอื่นๆ(precipitation) ของพื้นที่ ที่อยู่ในเขตอบอุ่นตั้งแต่
ณ ที่เส้นรุ้งระดับกลาง- สูงของซีกโลกเหนือ (mid- and high-latitudes of the NH
continents) ได้เพิ่มขึ้น 0.5-1.0 เปอร์เซ็นต์ต่อทศวรรษ
เหตุการณ์ที่มีปริมาณฝนและหิมะที่ตกหนักมาก ๆ ( heavy rainfall events)
ได้เพิ่มขึ้นประมาณ 2- 4 เปอร์เซ็นต์
ทั้งนี้เนื่องมาจากการเปลี่ยนแปลงของปริมาณความชื้นในบรรยากาศ
การเพิ่มขึ้นของฝนแบบฟ้าคะนอง (thunderstorm activity) และ
พายุฝนที่กินบริเวณกว้าง (large-scale storm activity)
ทั้งหมดเป็นผลสืบเนื่องมาจาก การร้อนขึ้นของโลก
อย่างไรก็ตาม บริเวณพื้นที่ในเขตกึ่งร้อน (Sub-tropical) ของซีกโลกเหนือ (ระหว่างเส้นรุ้ง10oเหนือ-30o เหนือ), ปริมาณของฝนอาจจะลดลงประมาณ 0.3 เปอร์เซ็นต์ต่อทศวรรษ
สำหรับในภูมิภาคเขตร้อน (ระหว่างเส้นรุ้ง10oเหนือ -10oใต้) ปริมาณฝนได้เพิ่มขึ้น ประมาณ 0.2-0.3 เปอร์เซ็นต์ต่อทศวรรษ ในช่วงเวลา 100 ปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม จากข้อมูลที่ตรวจวัดได้ในภูมิภาคนี้จะเห็นได้ว่า ข้อสรุปของ IPCC นั้นในหลายกรณีด้วยกันก็ยังไม่สอดคล้องกับพฤติกรรมที่เป็นจริงในบางภูมิภาคของโลก โดยเฉพาะผลที่ได้จากการใช้แบบจำลองในช่วงหลายทศวรรษที่ผ่านมาไม่ได้เป็นไปอย่างที่ IPCC สรุปไว้


