วิทยาศาสตร์ ดาราศาสตร์ ฟิสิกส์ เคมี ชีววิทยา >>
การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของโลก
และผลกระทบที่เกิดขึ้นในประเทศไทย
ผลกระทบต่อระบบนิเวศชายฝั่งทะเล
นอกเหนือจากผลกระทบต่อเนื่องดังกล่าวแล้ว ยังมีผลกระทบต่อระบบนิเวศชายฝั่งทะเล ดังเช่นที่ทีมข่าวสิ่งแวดล้อม แห่งคอลัมน์ จุดประกาย ของหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจได้แปลงความรู้จากนักนิเวศวิทยาหลายท่านผ่านชื่อเรื่อง แผ่นดินที่หายไป:ผลกระทบของผีเสื้อขยับปีก
นักนิเวศวิทยาต่างลงความเห็นว่า ความแปรปรวนของธรรมชาติที่เกิดขึ้นไม่ว่า
ฝนตกดินถล่ม น้ำท่วม ล้วนมีปัจจัยมาจากการเปลี่ยนแปลงธรรมชาติ
ทั้งการตัดไม้ทำลายป่า การใช้ทรัพยากรดินน้ำอย่างไม่เหมาะสม ฯลฯ
ไม่ว่าตัวแปรเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้คืออะไร
แต่ผลที่เกิดขึ้นประจักษ์ชัดแก่สายตาแล้วสำหรับชาวบ้านที่อยู่ริมทะเล
เสาไฟฟ้าที่เคยตั้งอยู่ข้างถนน
วันนี้กลับยืนเข้าแถวเรียงราวอยู่ห่างจากชายฝั่งไปหลายร้อยเมตร
รศ.ดร.ธนวัฒน์ จารุพงษ์สกุล
หัวหน้าโครงการวิจัยแก้ปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งทะเล คณะวิทยาศาสตร์
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ตั้งข้อสังเกตว่า
ในระยะหลังกระแสลมเปลี่ยนทิศทางและมีความรุนแรงมากขึ้น
จนเป็นสาเหตุให้เกิดคลื่นในทะเลสูง และเกิดลมมรสุมเพิ่มมากขึ้น
...."สังเกตดูว่าคลื่นลมในทะเลเกิดการเปลี่ยนทิศทาง
คลื่นแถบอ่าวไทยที่ปกติสูง 1 เมตร ก็เพิ่มเป็น 2 เมตร
ขณะที่ฝั่งอันดามันก็มีคลื่นสูงเป็น 4-5 เมตร จากเดิมเคยมีคลื่นสูงราว 2- 3 เมตร
เดิม 3-5 ปีจะมีพายุจรพัดมาสักลูก แต่ในช่วง 10 ปีนี้เกิดพายุเฉลี่ย 1-2 ปี
หนึ่งลูก" นักวิชาการกล่าว
ไทยยังได้รับอิทธิพลจากพายุโซนร้อนหรือลมพายุจร
ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นลมพายุดีเปรสชัน
มีจุดกำเนิดจากบริเวณทะเลจีนใต้และมีส่วนน้อยที่เกิดในบริเวณมหาสมุทรแปซิฟิก
โดยพายุโซนร้อนจะเคลื่อนตัวเข้าสู่ประเทศไทยในช่วงเดือนมิถุนายนถึงสิงหาคมเคลื่อนผ่านภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคตะวันออกของประเทศในช่วงเดือนตุลาคมถึงเดือนธันวาคม
และจะเคลื่อนตัวผ่านภาคตะวันออก ภาคกลาง และภาคใต้ฝั่งตะวันออกของประเทศ
ปัจจัยที่ส่งผลให้ระดับน้ำทะเลเปลี่ยนแปลงอีกตัวหนึ่งคือ
อุณหภูมิของโลกที่สูงขึ้น "จากการคาดการณ์ของแบบจำลองการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิ
พบว่าอุณหภูมิโลกจะสูงขึ้น 1.2-2 องศาเซลเซียส หรืออาจจะสูงขึ้นถึง 3.5-5
องศาเซลเซียสในอีก 40-50 ปีข้างหน้า
ซึ่งการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวมีผลทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของฤดูกาล
หรือทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของลมพายุมากขึ้นในอนาคต และมีผลต่อระดับน้ำทะเล"
นักวิชาการจุฬาฯ กล่าว
สำหรับระดับน้ำทะเลทั่วโลกซึ่งได้จากสถานีวัดน้ำทะเลทวีปต่างๆ
พบว่ามีการเปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้น 12-15 เซนติเมตร
ซึ่งคาดว่าระดับน้ำทะเลจะเพิ่มขึ้นจากอุณหภูมิโลก
เพราะบางแห่งที่เกิดระดับน้ำทะเลเพิ่มขึ้นจะเกิดการทรุดตัวของแผ่นดิน
หรือระดับน้ำทะเลเพิ่มสูงขึ้นผสมกับเกิดการทรุดตัวของแผ่นดินได้
ขณะเดียวกัน มีการประเมินระดับน้ำทะเลใน 20 ปีข้างหน้าพบว่า
ระดับน้ำจะเพิ่มสูงขึ้นอีกไม่น้อยกว่า 30 เซนติเมตรเช่นกัน
ซึ่งจะส่งผลให้เกิดปัญหาน้ำท่วม การเปลี่ยนแปลงของพายุโซนร้อน
และหากแผ่นดินทรุดยังเกิดอย่างต่อเนื่อง
บวกกับระดับน้ำทะเลทั่วโลกเพิ่มสูงขึ้นเนื่องจากอุณหภูมิโลกที่สูงขึ้น
โดยไม่มีมาตรการอะไรมาแก้ปัญหาเลย สุดท้ายกรุงเทพฯและปริมณฑลหายไปเกือบครึ่งเมือง
เนื่องจากขณะนี้ไม่มีพื้นที่รับน้ำเหลืออยู่แล้ว
"การเปลี่ยนแปลงของกระแสลม และการลดลงของพื้นที่ป่าชายเลนส่งผลให้
ปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งเพิ่มความรุนแรงมากขึ้น
โดยพื้นที่ชายฝั่งทะเลของไทยหายไปจำนวนมาก" รศ.ดร.ธนวัฒน์ กล่าวเสริม
การลดลงของป่าชายเลนทั้งด้านอ่าวไทยและอันดามันมีสาเหตุ 2 ประการ
คือการตัดไม้ป่าชายเลน เพื่อการผลิตถ่านไม้
และการปรับพื้นที่ป่าชายเลนเพื่อการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำชายฝั่ง
ซึ่งการลดลงของพื้นที่ป่าชายเลนดังกล่าว
เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เกิดการกัดเซาะชายฝั่งทะเลเพิ่มมากขึ้น
สถานการณ์กัดเซาะชายฝั่งเพิ่มความรุนแรงมากขึ้น
โดยขณะนี้จังหวัดริมชายฝั่งทะเลทั้ง 23 จังหวัด ทั้งแถบฝั่งอ่าวไทย
และฝั่งอันดามันประสบปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งอย่างรุนแรง คิดเป็นพื้นที่ประมาณ 599
กิโลเมตร หรือ 21% ของพื้นที่ชายฝั่ง 2,667 กิโลเมตร
โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริเวณปากแม่น้ำบางปะกงจนถึงปากแม่น้ำแม่คลองครอบคลุม 5
จังหวัดได้แก่ ฉะเชิงเทรา สมุทรปราการ กทม. สมุทรสาคร สมุทรสงคราม
ซึ่งค่อนข้างอ่อนไหวและมีการกัดเซาะรุนแรงที่สุดของประเทศ
เนื่องจากบางพื้นที่มีอัตราการกัดเซาะชายฝั่งมากกว่า 25 เมตรต่อปี
สำหรับจังหวัดสมุทรสงครามจุดที่ประสบปัญหามากแถวบริเวณบ้านขุนสมุทรจีน
ซึ่งในรอบ 38 ปีที่ขณะนี้พื้นที่หายไป 11,000 ไร่ และจากการทำแบบจำลองอีก 20 ปี
จะหายไปอีก 37,000 ไร่ ซึ่งกระทบกับชาวบ้านโดยตรง
พื้นที่ดังกล่าวจะใช้เป็นพื้นที่นำร่องในการแก้ปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งแบบเป็นระบบโดยได้รับงบฯ
จากสำนักงาน กองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.)จะทดลองทำโมเดลโดยผสมผสานทั้งโครงสร้าง
ปลูกป่าชายเลน และ การเติมตะกอนดินในระยะทาง 400 เมตรใช้ระยะเวลา 1-2 ปี


