ประวัติศาสตร์ ภูมิศาสตร์ บุคคลสำคัญ ประเทศและทวีป »
จังหวัดอุตรดิตถ์

ข้อมูล » ประวัติศาสตร์-ความเป็นมา ศิลปะ-วัฒนธรรม-ประเพณี สถานที่สำคัญ-แหล่งท่องเที่ยว โรงแรม-ที่พัก
สถานที่สำคัญ-แหล่งท่องเที่ยวจังหวัดอุตรดิตถ์
วัดพระฝาง
วัดนี้มีชื่อเต็มว่า
วัดพระฝางสวางคบุรีมุนีนาถเคยเป็นวัดที่จำพรรษาของ เจ้าพระฝาง เมืองสวางคบุรี
ซึ่งอยู่ในสมณเพศแต่นุ่งห่มผ้าแดงและมิได้สึกเป็นฆราวาส
ท่านได้ซ่องสุมผู้คนสมัยกรุงศรีอยุธยาแตกครั้งที่ 2 เพื่อจะกู้เอกราช
วัดพระฝางประกอบด้วยโบสถ์ วิหารและพระธาตุเจดีย์เป็นสถาปัตยกรรมสมัยอยุธยาตอนปลาย
สำหรับบานประตูแกะสลักของพระวิหารเก็บรักษาไว้ที่วัดธรรมาธิปไตย
หอวัฒนธรรมวิทยาลัยครูอุตรดิตถ์
เป็นศูนย์รวมโบราณวัตถุที่สำคัญของชาวอุตรดิตถ์
เหมาะแก่การศึกษาค้นคว้าและเป็นหลักฐานอ้างอิงทางประวัติศาสตร์
โบราณวัตถุที่สำคัญชิ้นหนึ่ง คือ ยานมาศหรือ คานหามไม้แกะสลักโปร่ง 3 ชั้น
ฝีมือช่างสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย ยานมาศนี้
สมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัตติวงศ์
ได้ทรงบันทึกไว้ในจดหมายเหตุเมื่อคราวเดินทางมาตรวจราชการ หัวเมืองฝ่ายเหนือ พ.ศ.
2444 ว่าทรงพบยานมาศแบบนี้ 4 คัน คันแรกทรงพบที่อำเภอมโนรมย์ จังหวัดชัยนาท อีก 2
คัน พบที่วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ จังหวัดพิษณุโลก
ครั้นมาถึงอุตรดิตถ์ก็พบอีกคันที่วัดท่าเสา
ได้นำมาจัดแสดงไว้ให้ประชาชนชมที่ศูนย์วัฒนธรรมแห่งนี้
วัดใหญ่ท่าเสา
วัดนี้มีวิหารเก่าแก่ซึ่งมีบานประตูไม้แกะสลัก 2 บาน
ตลอดจนลายไม้ที่วิหารด้านหน้า และมีหอไตรโบราณที่มีรูปแบบสีสันสวยงาม
ใช้เป็นที่เก็บพระไตรปิฎก
วัดกลาง
วัดกลางเป็นวัดโบราณตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา
ไม่ปรากฎชื่อผู้สร้าง มีพระอุโบสถที่มีลวดลายรูปปั้นสวยงาม
ภายในอุโบสถมีพระประธานเป็นพระพุทธรูปปูนปั้น
ลงรักปิดทองมีพุทธลักษณะงดงามเป็นศิลปแบบรัตนโกสินทร์ตอนต้น
ผสมศิลปะแบบลาวหลวงพระบาง และจิตรกรรมฝาผนังที่เก่าแก่หายากสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น
เป็นภาพพระเวสสันดรชาดกและเทพชุมนุม
วัดธรรมาธิปไตย
เดิมชื่อวัดต้นมะขาม
ภายในวัดเป็นที่เก็บบานประตูของวิหารหลังใหญ่ และเก่าแก่มากของวัดพระฝาง
บานประตูทำจากไม้ปรู ขนาดกว้าง 2.2 เมตร สูง 5.3 เมตร และหนา 16 เซนติเมตร
แกะสลักในสมัยอยุธยาเป็นลายกนกก้านขด มีลายพุ่มทรงข้าวบิณฑ์ 7 พุ่ม
ระหว่างพุ่มมีกนกใบเทศขนาบสองด้าน
หลวงพ่อเพชรวัดท่าถนน
วัดท่าถนนเดิมชื่อ วัดวังเตาหม้อ เป็นที่ประดิษฐานหลวงพ่อเพชร
เป็นพระพุทธรูปสัมฤทธิ์สมัยเชียงแสน นั่งขัดสมาธิเพชร
มีคนมากราบไหว้บูชาเป็นจำนวนมาก ประกอบกับเป็นพระพุทธรูปนั่งขัดสมาธิเพชร
จึงเรียกกันว่า หลวงพ่อเพชร
อนุสาวรีย์พระยาพิชัยดาบหัก
ประดิษฐานอยู่หน้าศาลากลางจังหวัดอุตรดิตถ์
สร้างขึ้นเพื่อเป็นเกียรติประวัติในความกล้าหาญ รักชาติและเสียสละ
เมื่อครั้งพระยาพิชัยครองเมืองพิชัยในสมัยธนบุรี
ท่านได้สร้างเกียรติประวัติไว้โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อปี พ.ศ. 2316
พม่ายกทัพมาตีเมืองพิชัย พระยาพิชัย ได้ยกทัพไปสกัดทัพพม่าจนแตกพ่ายกลับไป
การรบในครั้งนั้นดาบคู่มือของพระยาพิชัยข้างขวาได้หักไปหนึ่งเล่ม
แต่ก็ยังรบได้ชัยชนะต่อทัพพม่า ด้วยวีรกรรมดังกล่าว จึงได้สมญานามว่า
พระยาพิชัยดาบหัก
กลุ่มหัตถกรรมผลิตภัณฑ์ผักตบชวา
กลุ่มหัตถกรรมผลิตภัณฑ์ผักตบชวา
เป็นกลุ่มแม่บ้านที่ร่วมกันทำผลิตภัณฑ์จากผักตบชวา
โดยได้รับการส่งเสริมจากศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาคเหนือ จังหวัดพิษณุโลก
ร่วมกับสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดอุตรดิตถ์ ผลิตภัณฑ์จากผักตบชวา
จากกลุ่มแม่บ้านบ้านท่ามีฝีมือการผลิตที่ปราณีต และรูปแบบที่ทันสมัย ราคาย่อมเยา
วัดเจดีย์คีรีวิหาร
เป็นบรมธาตุเจดีย์ทรงลังกา
บรรจุพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้า พระประธานเป็นพระพุทธรูปศิลปะสุโขทัยอันงดงาม
บานประตู และหน้าบันเป็นไม้แกะสลัก
วัดพระแท่นศิลาอาสน์
วัดนี้สร้างขึ้นในสมัยกรุงศรีอยุธยา
มีพระแท่นศิลาอาสน์เป็นศิลาแลงรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า
ฐานของพระแท่นโดยรอบประดับด้วยลายกลีบบัว ต่อมาจึงมีการสร้างพระแท่นศิลาอาสน์ขึ้น
บานประตูวิหารพระแท่นศิลาอาสน์ที่เป็นไม้สักแกะสลักนั้น
เดิมเคยเป็นบานประตูวิหารพระพุทธชินราช วัดพระศรีมหาธาตุวรมหาวิหาร
จังหวัดพิษณุโลกมาก่อน
วัดพระยืนพุทธบาทยุคล
ภายในมีมณฑปเป็นศิลปะแบบเชียงแสน
ครอบรอยพระพุทธบาทคู่ที่ประดิษฐานบนฐานดอกบัว
ยังมีพระพุทธรูปหล่อด้วยสัมฤทธิ์ปางมารวิชัย ศิลปะสุโขทัยเรียกกันว่า
หลวงพ่อพุทธรังสี เดิมประดิษฐานอยู่ในมณฑปมีปูนพอกหุ้มไว้ทั้งองค์
ต่อมาได้กระเทาะปูนออกและนำไปประดิษฐานไว้ในพระอุโบสถที่สร้างใหม่
วัดพระบรมธาตุทุ่งยั้ง
วัดนี้เป็นวัดเก่าแก่มีตำนานเกี่ยวพันกับอีก 2 วัด
ที่อยู่ใกล้เคียงกัน คือ วัดพระยืนพุทธบาทยุคล และวัดพระแท่นศิลาอาสน์
เกี่ยวกับการเสด็จมาของพระพุทธเจ้า วัดแห่งนี้เดิมชื่อ วัดมหาธาตุ
ประกอบด้วยวิหารแบบล้านนาซึ่งอยู่ด้านหน้า
ถัดไปเป็นพระบรมธาตุทุ่งยั้งบรรจุพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้า
เป็นเจดีย์เก่าแก่แบบลังกาทรงกลมฐานเป็นรูปสี่เหลี่ยม 3 ชั้น
ฐานล่างมีเจดีย์องค์เล็กๆ เป็นบริวารอยู่ 4 มุม ฐานชั้นที่ 3 มีซุ้มคูหา 4 ด้าน
อนุสาวรีย์พระศรีพนมมาศ
อยู่ตรงสี่แยกตลาดลับแล เดิมชื่อ ทองอิน เป็นนายอากรสุรา
เชื้อสายจีนแต่ด้วยความรักในท้องถิ่นจึงพัฒนาเมืองลับแลมาโดยตลอด
เป็นผู้นำชุมชนที่ชาวลับแลให้ความนับถือ
น้ำตกแม่พูล
เป็นน้ำตกที่เกิดจากการตกแต่งธารน้ำ
โดยการเทปูนให้น้ำไหลลดหลั่นจากบนเขาสูงลงมา ดูคล้ายน้ำตกธรรมชาติ สูงหลายชั้น
สภาพโดยรอบร่มรื่น
วนอุทยานต้นสักใหญ่
ภายในมีต้นสักใหญ่ ซึ่งได้ถูกพบเมื่อประมาณปี พ.ศ. 2470
มีอายุประมาณ 1,500 ปี ความยาวรอบต้น 1007 เซนติเมตร วัดเมื่อ 18 มิถุนายน 2543
แม้ส่วนยอดถูกพายุพัดหัก
ลำต้นส่วนใหญ่ยังคงอยู่ในสภาพเดิมโดยได้รับการดูแลรักษาให้มีความแข็งแรงสมบูรณ์
และในวนอุทยานต้นสักใหญ่ ยังมีเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติ ระยะทาง 2 กิโลเมตร
อุทยานแห่งชาติภูสอยดาว
ลักษณะภูมิประเทศประกอบด้วยภูเขาสูงตามแนวชายแดนไทย - ลาว
มียอดภูสอยดาวสูงที่สุด 2,102 เมตร จากระดับทะเล
สภาพพื้นที่เป็นภูเขาสูงที่ป่าปกคลุม เป็นป่าดิบเขาสลับทุ่งหญ้าและป่าสน เช่น
ป่าสนสามใบ อากาศหนาวเย็นเกือบตลอดทั้งปี มีดอกไม้ป่าพันธุ์ต่างๆ เช่น ดอกหงอนนาค
ดอกไม้ดินต่างๆ ขึ้นอยู่กลางป่าสน ภูสอยดาวสามารถจะมาท่องเที่ยวได้ทั้งปี
เขื่อนสิริกิติ์
ตั้งอยู่ที่บ้านผาซ่อม ตำบลท่าปลา
เขื่อนสิริกิติ์เป็นเขื่อนดินสร้างกั้นแม่น้ำน่านที่ผาซ่อม สันเขื่อนยาว 800 เมตร
กว้าง 12 เมตร สูง 113.6 เมตร บริเวณเหนือเขื่อนเป็นทะเลสาบใหญ่ที่มีชื่อว่า
ทะเลสาบสุริยันจันทรา มีทิวทัศน์สวยงาม เมื่อไปถึงบริเวณเขื่อน
อุทยานแห่งชาติลำน้ำน่าน
อยู่ในพื้นที่จังหวัดแพร่ น่าน และอุตรดิตถ์
เป็นทิวเขาสลับซับซ้อนประกอบด้วยป่านานาชนิดที่ยังคงความสมบูรณ์
และเป็นแหล่งต้นน้ำลำธารของอ่างเก็บน้ำเหนือเขื่อนสิริกิติ์
ประกอบด้วยป่าเบญจพรรณ ป่าเต็งรัง ป่าดิบแล้ง และป่าดิบเขา
และเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่า
บ่อเหล็กน้ำพี้
อยู่ที่บ้านน้ำพี้ ตำบลน้ำพี้
เป็นโบราณสถานซึ่งมีความสำคัญ เนื่องจากเป็นแหล่งเหล็กกล้า
ที่นำมาทำพระแสงดาบตั้งแต่สมัยโบราณ เดิมมีอยู่ด้วยกันหลายบ่อ มีบ่อหนึ่งเรียกว่า
บ่อพระแสง ห้ามมิให้ผู้ใดขุดเหล็กจากบ่อนี้
โดยสงวนไว้ใช้ทำพระแสงดาบสำหรับพระมหากษัตริย์เท่านั้น และ บ่อพระขรรค์
เป็นบ่อที่ในสมัยโบราณ มีช่างทำพระขรรค์ถวายพระมหากษัตริย์
ได้นำแร่เหล็กน้ำพี้จากบ่อพระขรรค์ไปถลุงทำพระขรรค์ ภายในบริเวณมี
พิพิธภัณฑ์บ่อเหล็กน้ำพี้ รวบรวมหลักฐานต่างๆ เกี่ยวกับประวัติเหล็กน้ำพี้
โดยจัดแสดงและจำลองให้เห็นถึงกระบวนการ ขั้นตอนการตีเหล็กน้ำพี้
ตั้งแต่การขุดแร่เหล็กน้ำพี้ จนตีเป็นดาบที่มีความแกร่งและความคมเป็นเลิศ
ดาบน้ำพี้จึงเป็นอาวุธคู่กายของขุนศึก และนักรบไทยในสมัยโบราณตลอดมา
จังหวัด » กำแพงเพชร เชียงราย เชียงใหม่ ตาก นครสวรรค์ น่าน พะเยา พิจิตร พิษณุโลก เพชรบูรณ์ แพร่ แม่ฮ่องสอน ลำปาง ลำพูน สุโขทัย อุตรดิตถ์


