ขนบธรรมเนียม ประเพณี วัฒนธรรม อารยธรรม >>
ประเภทของวัฒนธรรม
กระบวนการทางวัฒนธรรม
วัฒนธรรมกับกลุ่มชาติพันธุ์
ความหลากหลายทางชาติพันธุ์
ประชากรและสังคมโลก
สังคมโลก
ภูมิศาสตร์วัฒนธรรมโลก
สถานการณ์ความขัดแย้งทางสังคมและวัฒนธรรมระดับโลกในยุคโลกาภิวัตน์
ลัทธิการครอบโลก
พัฒนาการของความขัดแย้ง
สถานการณ์ความขัดแย้งทางสังคมและวัฒนธรรมต่างๆที่เกิดขึ้นในโลกตามการจัดแบ่งมูลเหตุแห่งความขัดแย้ง
ความขัดแย้งทางสังคมและวัฒนธรรม ระดับโลกในยุคโลกาภิวัตน์
การเชื่อมต่อของอารยธรรมขงจื๊อ-อิสลาม
พันธมิตรด้านมืด
สถานการณ์ความขัดแย้งทางสังคมและวัฒนธรรมต่างๆที่เกิดขึ้นในโลกตามการจัดแบ่งมูลเหตุแห่งความขัดแย้ง
รัฐอิสราเอล กับปาเลสไตน์
ปาเลสไตน์ส่วนหนึ่งของดินแดนนี้ที่อยู่ทางตะวันตกของแม่น้ำจอร์แดน
เคยถูกเรียกว่า "ดินแดนคะนาอัน" (Canaan) ในช่วงที่อยู่ใต้การปกครองของอียิปต์
ในภายหลังได้แบ่งการปกครอง ออกเป็นสองส่วน ส่วนทางใต้กลายเป็นราชอาณาจักรยูดาห์
ส่วนทางเหนือคือราชอาณาจักรอิสราเอล
ชื่อ ปาเลสไตน์ มาจากคำว่า Philistine
ซึ่งหมายถึงชนเผ่าที่อาศัยอยู่บริเวณชายฝั่งทางใต้ของดินแดนนี้
ดินแดนในแถบปาเลสไตน์เป็นดินแดนที่ยิวเคยอยู่มาก่อน
พวกยิวเคยถูกกวาดต้อนไปเมื่อครั้งที่ราโมเสสทำสงครามในอียิปต์แล้วรุกเข้ามาในดินแดนคานาอาน
แล้วกวาดต้อนพวกยิวเป็นทาส
จนกระทั่งโมเสสพาพวกยิวหนีมาตั้งถิ่นฐานเดิมอยู่ที่คานาอาน อยู่กันมากระทั่งมี
บัญญัติ 10 ประการ ซึ่งเป็นต้นกำเนิดของศาสนาคริสต์
แต่ก็ไม่ได้เกิดเฉพาะศาสนาคริสต์เท่านั้น ช่วงนั้นก็มีศาสนายูดายขึ้นมาด้วย
อย่างไรก็ตาม ศาสนายูดายซึ่งเป็นศาสนาของยิวก็เกิดก่อนศาสนาคริสต์ เพราะในสมัย
พระเยซูก็เป็นหนึ่งในศาสนาของยิวมาก่อน
แต่พระเยซูเป็นผู้ไม่เห็นด้วยที่จะให้มีการเคารพในพระเจ้าหลายองค์
จึงให้คนนับถือพระเจ้าองค์เดียว
และให้ถือคัมภีร์ของพระเจ้าโมเสสที่เป็นต้นกำเนิดมาแต่ต้น
และก็ให้ปฏิบัติตนตามบัญญัติ 10 ประการ จนกระทั่งเกิดศาสนาคริสต์ขึ้นมาตั้งแต่นั้น
ลูกหลานชาวยิวที่เกิดมาก็อยู่บริเวณเดิมรวมกับกลุ่มที่เปลี่ยนเป็นคริสเตียน
จนกระทั่งพวกโรมันตียิวแตกจนโรมันเข้าไปยึดครองในแถบนั้น
ยิวก็กระจัดกระจายออกไปอยู่ในยุโรป
จากนั้นเมื่อเกิดศาสนาอิสลามขึ้นในหมู่พวกเบนดูอิน
หรือพวกอาหรับที่เป็นเชื้อสายที่มาจากทะเลทราย ก็บอกว่าสืบลูกหลานมาจากพวกอับราฮัม
(คือพวกยิว) เหมือนกัน และเกิดศาสนา 2 ศาสนาขึ้นมาในแถบนั้น
เมื่อยิวหมดอำนาจไปแล้ววัดของพระเจ้าไซโลมอนที่สร้างขึ้นก็ถูกทำลายเหลือแต่กำแพง
ดังนั้น เมืองเยรูซาเล็ม จึงเป็นแหล่งกำเนิดถึง 3 ศาสนา
บนเนินเขาในเยรูซาเล็มจะมีโบสถ์ของคริสตศาสนาอยู่และมีโดม ออฟเดอะร็อก
ซึ่งเป็นสุเหร่าที่มีหินอยู่ตรงกลาง ประวัติศาสตร์อิสลามกล่าวว่า พระมะฮะหมัด
เมื่อสิ้นพระชนม์ก็ทรงประทับบนหลังม้าแล้วเสด็จขึ้นบนสรวงสวรรค์จากหินก้อนนั้น
ส่วนศาสนาที่ 3 นั้นเป็นเป็นของพวกยูดายที่เรียกว่า เวริ่งวอล และเมื่อ 3
ศาสนามาเกิดอยู่รวมกันอยู่ ณ
บริเวณเดียวกันจึงเกิดการแย่งชิงดินแดนที่เชื่อว่าเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของแต่ละศาสนา
เมื่อมีการถกเถียงว่าใครจะเป็นใหญ่ในแผ่นดินนั้น
จึงทำให้ยิวกับพวกอาหรับมีปัญหากันเรื่อยมา ในช่วงแรกยิวอยู่กระจัดกระจายในที่ต่างๆ
เช่น รัสเซีย โปแลนด์ เยอรมัน
แต่ยิวเองก็ไม่เคยลืมมีแผ่นดินเดิมภายใต้ขบวนการที่เรียกว่า ไซออนนิสม์ (Zionism)
พยายามจะระลึกถึงว่าจะต้องกลับไปอยู่ที่เดิม
ในขณะที่อาหรับเข้าปกครองเยรูซาเล็มในระยะพันกว่าปี
กระทั่งช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1
ปีการประกาศของรัฐมนตรีว่าการต่างประเทศของอังกฤษประกาศว่ายิวมีสิทธิกลับเข้าไปอยู่ในปาเลสไตน์ได้
จึงเป็นเหตุให้ขบวนการ ไซออนนิสม์
วางแผนที่จะกลับเข้าไปอยู่ในดินแดนปาเลสไตน์และอังกฤษให้การหนุนหลังอยู่ด้วย
จนพวกอาหรับก็ไม่พอใจเกิดการบาดหมางกันเรื่อยมา ในขณะที่ยิวก็เข้มแข็งขึ้นเรื่อยๆ
เพราะยิวที่อยู่นอกประเทศทำการค้าจนร่ำรวยและต่างก็บริจาคเงินเข้าไปช่วยเหลือเพื่อซื้ออาวุธ
เป็นหตุให้เกิดการก่อการร้ายกันเรื่อยมา
ในปี ค.ศ. 1492 ชาวยิวถูกขับไล่ออกจากสเปน
ชาวยิวต้องคอยหวาดผวาจากการคุกคามของลัทธิต่อต้านยิวอยู่ตลอด ในช่วง ค.ศ. 1933-1945
(สงครามโลกครั้งที่สอง) กองทัพนาซีได้สังหารชาวยิวตามค่ายกักกันต่าง ๆ กว่า 6
ล้านคน ในช่วงนี้มีชาวยิวในยุโรปหนีตายไปอยู่สหรัฐอเมริกามากมาย
ประมาณว่ามีจำนวนกว่า 2 ล้านคน
สหรัฐอเมริกาจึงเป็นประเทศหนึ่งที่มีคนเชื้อสายยิวอาศัยอยู่มาก
จนกระทั่งสงครามโลกครั้งที่ 2
สงบลงถึงแม้ว่าอังกฤษจะมีอำนาจควบคุมดูอยู่ก็ตาม
แต่ยิวก็มีอำนาจขึ้นมาจนสามารถตั้งประเทศขึ้นมาในปี 2491
ฉะนั้นยิวกับอาหรับจึงเป็นคู่อริกันเรื่อยมา ในขณะที่อเมริกาเองก็เข้าข้างยิวตลอดมา
เนื่องจากยิวนั้นมีอำนาจทางด้านเศรษฐกิจอยู่ในอเมริกาค่อนข้างมาก
ฉะนั้นทางฝ่ายอาหรับหรือพวกที่นับถือศาสนาอิสลามอย่างเคร่งครัดจึงไม่พอใจที่อเมริกาเข้าข้างยิวหรืออิสราเอล
เมื่อสงครามโลกครั้งที่สองสงบลง
นานาประเทศเกิดความสงสารชาวยิวที่ถูกสังหารอย่างโหดเหี้ยม
จึงสนับสนุนลัทธิฟื้นฟูประเทศของชาวยิวที่เรียกว่า ไซออนนิสม์ (Zionism) ขึ้น
เนื่องจากชาวยิวเชื่อว่า
ดินแดนปาเลสไตน์เป็นดินแดนที่พระเจ้ามอบให้เป็นของชาวยิวตลอดกาล
จึงพากันอพยพกลับมาอยู่ปาเลสไตน์ถิ่นเก่าแก่อีกครั้งหนึ่ง
แล้วประกาศตั้งประเทศอิสราเอลขึ้นในปี ค.ศ. 1948 โดยใช้ภาษาฮีบรู (Hebrew)
เป็นภาษาประจำชาติ
อย่างไรก็ตาม ก่อนที่ชาวยิวจะกลับมานั้น
ดินแดนแห่งนี้เป็นของประเทศปาเลสไตน์ ซึ่งดินแดนปาเลสไตน์นั้น
ตั้งอยู่ในภูมิภาคตะวันออกกลาง หรือ เอเชียตะวันตก
ประชากรในภูมิภาคนี้ต่างก็รับนับถือศาสนาอิสลาม ชาวปาเลสไตน์ก็เป็นหนึ่งในจำนวนนั้น
และศาสนาอิสลามยึดหลักความเป็นพี่น้องกัน
ระหว่างชาวมุสลิมไม่ว่าจะเป็นชนชาติใดหากพี่น้องมุสลิม ณ
ที่หนึ่งที่ใดได้รับความเจ็บปวด มุสลิมซึ่งอยู่ที่อื่นก็ย่อมเจ็บปวดไปด้วย
ชาวปาเลสไตน์นั้นเป็นชาวอาหรับมาตั้งแต่ต้น เดิมรับนับถือศาสนาคริสต์
แต่ได้รับการกดขี่จากชาวโรมัน จึงหันมารับนับถือศาสนาอิสลาม
สังคมของชาวปาเลสไตน์จึงมีลักษณะแบบอาหรับและมุสลิม
ในปาเลสไตน์มีการปกครองของตนเองแต่ในด้านการเมืองและศาสนา
ก็เป็นส่วนหนึ่งของโลกอิสลาม ด้วยเหตุข้างต้นนี้
เมื่อชาวยิวเดินทางเข้ามาอยู่ในดินแดนปาเลสไตน์จึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องเกิดความขัดแย้งขึ้นระหว่างชาวยิวกับชาวอาหรับ
การสู้รบแย่งดินแดนมีกันอย่างยาวนานหลายปี
กองกำลังชาวยิวยึดที่ไหนได้ก็ส่งคนเข้าไปอาศัยอยู่
ชาวปาเลสไตน์มักเอาชนะชาวยิวไม่ได้เนื่องจากอิสราเอลมีอเมริกาเป็นพันธมิตรอยู่เบื้องหลัง
ทำให้ชาวปาเลสไตน์ต้องลี้ภัยไปยังประเทศอาหรับข้างเคียงอื่นๆ
ปัญหาเรื่องการปกครองปาเลสไตน์ได้กลายเป็นที่ถกเถียงกันในสมัชชาสหประชาชาติ
ตลอดมาจนกระทั่งทางสหประชาชาติได้เสนอแผนการให้แบ่งปาเลสไตน์ออกเป็นส่วน ๆ
กล่าวคือแบ่งเป็นรัฐอาหรับ รัฐยิว
ส่วนกรุงเยรูซาเล็มเมืองหลวงนั้นให้อยู่ในความดูแลของสหประชาชาติ
โดยมติของสหประชาชาติให้ยกที่ดินจำนวน 14, 500 ตารางกิโลเมตร จากที่ดินทั้งหมด
26,323 ตารางกิโลเมตร (คือร้อยละ 57) ของประเทศปาเลสไตน์ให้แก่รัฐยิว
ซึ่งเป็นที่ดินอันอุดมสมบูรณ์ ส่วนที่เหลือร้อยละ 43
เป็นของชาวปาเลสไตน์ซึ่งลักษณะพื้นที่ล้วนแต่เป็นภูเขาและทะเลทรายไม่สามารถทำการเพาะปลูกได้
ในปี ค.ศ. 1964 มีการก่อตั้งองค์กรปลดปล่อยปาเลสไตน์ (Palestine Liberation
Organization: PLO) หรือพีแอลโอ
ขึ้นเพื่อเป็นตัวแทนชาวปาเลสไตน์ในการต่อสู้แย่งดินแดนคืนมาจากชาวยิว
ผู้นำของพีแอลโอคือ นายยัสเซอร์ อาราฟัด ความขัดแย้งอิสราเอล-ปาเลสไตน์นั้น
ได้ไต่บันไดความรุนแรงยิ่งขึ้นในปี 2547 โดยฝ่ายอิสราเอลใช้แสนยานุภาพ เช่น
ยิงจรวดสังหารผู้นำระดับสูง สร้างกำแพงเขตเวสต์แบงก์
และใช้รถไถทำลายบ้านเรือนของชาวปาเลสไตน์
ส่วนทางปาเลสไตน์ตอบโต้ด้วยการใช้ระเบิดพลีชีพและการก่อวินาศกรรมต่างๆ
ความรุนแรงนี้สูงมาก จนแม้แต่การอสัญกรรมของนาย ยัสเซอร์ อาราฟัต
ผู้นำปาเลสไตน์คนสำคัญ ในวันที่ 11 พ.ย. 2547
ก็ไม่ได้ทำให้สถานการณ์ความขัดแย้งในดินแดนนี้เปลี่ยนแปลงแต่อย่างใด
อย่างไรก็ตามการให้ความสนับสนุนยิวของสหรัฐนั้นกลับมีเบื้องหลังว่าดินแดนในตะวันออกกลางมีน้ำมันอยู่มากทั้งในจอร์แดน
อิรัก อิหร่าน คูเวต ซาอุดิอาระเบีย และประเทศต่างๆ นั่นเอง
อย่างไรก็ตามความบาดหมางก็เกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลาจุดมุ่งหมายของปาเลสไตน์ต้องการจะได้เมืองเยรูซาเล็มตะวันออกเป็นของปาเลสไตน์มาก่อนและแบ่งคนละครึ่ง
ทั้งนี้เพื่ออิสราเอลยึดแล้วก็ไม่ยอมคืน
ในขณะที่ปาเลสไตน์ยืนยันจะเอาดินแดนเยรูซาเล็มตะวันออก
ส่วนยิวก็แสดงความต้องการเยรูซาเล็มทั้งหมดเป็นของยิว
ปาเลสไตน์ได้รับการสนับสนุนจากจอร์แดน อียิปต์และซีเรีย
แต่ก็ไม่สำเร็จเนื่องจากอิสราเอลได้รับการสนับสนุนอาวุธจากตะวันตกอย่างต่อเนื่อง
สาธารณรัฐอิสลามอัฟกานิสถาน
สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนแอลจีเรีย
สาธารณรัฐแองโกลา
สาธารณรัฐบุรุนดี
คอเคซัสและรัสเซีย
สาธารณรัฐโคลอมเบีย
สาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก (ซาอีร์)
เอธิโอเปีย ,รัฐเอริเทรีย ,สาธารณรัฐประชาธิปไตยโซมาลี
สาธารณรัฐอินโดนีเซีย
สาธารณรัฐอินเดีย ,สาธารณรัฐอิสลามปากีสถาน
สาธารณรัฐอิรัก
รัฐอิสราเอล ,สาธารณรัฐเลบานอน
รัฐอิสราเอล กับปาเลสไตน์
สาธารณรัฐตุรกี ,เคอร์ดิสถาน
โคโซโว (ยูโกสลาเวีย)
สหรัฐเม็กซิโก
สาธารณรัฐเซียร์ราลีโอน
สาธารณรัฐสังคมนิยมประชาธิปไตยศรีลังกา
สาธารณรัฐซูดาน
สหภาพพม่า


